โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน (Diabetes)

โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นโรคของการเผาผลาญ เป็นวิธีการที่ร่างกายของเราใช้อาหารที่ย่อยเพื่อการเจริญเติบโตและการให้พลังงานแก่ร่างกาย.

chocolate-bar-1636220_1920

 

  • โรคเบาหวานคืออะไร?
  • โรคเบาหวานมีกี่ชนิด?
  • ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสำคัญอย่างไร

รคเบาหวานคืออะไร?

โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน โรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำเป็นต้องรู้จักวิธีการดูแลตัวเอง และประคับประคองโรคเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน

 

โรคเบาหวานมีกี่ชนิด?

โรคเบาหวานมี 3 ชนิดได้แก่ โรคเบาหวานชนิดที่1  โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

 

ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสำคัญอย่างไร

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหัวใจหลักในแผนการรักษาโรคเบาหวาน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) คือภาวะหลักที่ต้องเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่1 และผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2

ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เมื่อร่างกายของผู้ป่วยไม่ได้รับน้ำตาลมากพอที่จะใช้เป็นพลังงาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากอาการที่รับประทาน การใช้ยาลดน้ำตาลในเลือด โรคทางระบบอื่นๆ และการออกกำลังกาย

 

diabetes-777001_1920

อาการโรคเบาหวาน และสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน บางครั้งไม่รุนแรง และไม่สามารถสังเกตได้ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2  แต่โรคเบาหวาน ชนิดที่ 1 อาการมักจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์

bored-16811_1920

อาการโดยทั่วไป

โรคเบาหวานทั้งสองประเภทมีสัญญาณเตือนแบบเดียวกัน

  • หิว และมีอาการเหนื่อย ร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารกินเป็นน้ำตาลกลูโคสที่เซลล์ในร่างกายใช้เป็นแหล่งพลังงาน แต่เซลล์ต้องใช้อินซูลินช่วยในการนำน้ำตาลไปใช้ หากร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างเพียงพอ หรือถ้าเซลล์มีการต่อต้านอินซูลินในร่างกาย ทำให้กลูโคสไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานได้ จึงทำให้มีอาการหิว และขาดพลังงาน ร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
  • ปัสสาวะบ่อย และมีอาการกระหายน้ำ โดยทั่วไปภายใน 24 ชั่วโมงหรือหนึ่งวัน คนปกติจะปัสสาวะทุกๆสามถึงเจ็ดชั่งโมง แต่ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะปัสสาวะบ่อยกว่านั้นมาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? โดยปกติร่างกายจะดูดซึมกลับกลูโคสผ่านทางไต แต่เมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงจากโรคเบาหวาน ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมกลูโคสกลับได้ แต่ร่างกายจะพยายามกำจัดกลูโคสออกไปแทนทางปัสสาวะ เมื่อร่างกายปัสสาวะถี่มากเกินปกติจึงทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดอาการกระหายน้ำขึ้นตามมา แต่เมื่อดื่มน้ำมากขึ้นก็จะยิ่งปัสสาวะมากขึ้นด้วย
  • ปากแห้ง และคันตามผิวหนัง เนื่องจากร่างกายขาดน้ำจากการปัสสาวะบ่อยเกินไป ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นจึงเกิดอาการคันตามผิวหนัง และริมฝีปากแห้ง
  • สายตาพร่ามัว การเปลี่ยนระดับของเหลวในร่างการทำให้เลนส์ในนัยน์ตาบวมขึ้น รูปร่างของเลนส์เกิดการเปลี่ยนแปลงและสูญเสียความสามรถในการโฟกัส

 

health3_7_facebook

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด?

ถ้าคุณอายุเกิน 45  ปี หรือมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย เพื่อป้องกันการเกิดอาการอื่นๆที่เป็นผลมาจากโรคเบาหวานตามมาเช่น เส้นประสาทถูกทำลาย และโรคหัวใจ เป็นต้น

โดยทั่วไปควรไปพบแพทย์เมื่อ

  • รู้สึกไม่สบายท้อง มีอาการอ่อนเพลีย และกระหายน้ำ
  • ปัสสาวะบ่อย
  • มีอาการปวดท้อง จุกเสียด
  • หายใจลึก และถี่กว่าปกติ
  • กลิ่นลมหายใจมีกลิ่นเหม็นจากสารคีโตน กลิ่นจะเหม็นเหมือนน้ำยาล้างเล็บ

 

การรักษาโรคเบาหวาน

สำหรับการรักษาโรคเบาหวาน ต้องพยายามรักษาอย่างใกล้ชิดจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะอยู่ในระดับเป้าหมายตามที่แพทย์กำหนด โดยการใช้ยา การออกกำลังกาย และการควบคุมอาหาร  โดยการควบคุมอาหารอย่างใกล้ชิด จะช่วยควบคุมการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดได้ และส่งผลต่อการจ่ายยาของแพทย์โดยเฉพาะการให้ยาอินซูลิน

diabetes-528678_1920

 

http://www.webmd.com/diabetes/guide/diabetes-general-treatments

http://www.webmd.com/diabetes/guide/diabetes-general-symptoms-causes

http://www.webmd.com/diabetes/guide/diabetes-general-overview-facts